วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิจารณ์ภาพยนตร์ เรื่อง SNOWDEN




วิจารณ์หนังเรื่อง snowden




                 Oliver Stone พาเราไปรู้จักกับ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Joseph Gordon-Levitt) ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าสู่วงการชีวิตการทำงานใหม่ๆ จนได้ทำงานให้กับ NSA เขาเป็นพนักงานสัญญาจ้างระดับสูงด้านความปลอดภัยผู้มีทักษะการเขียนโปรแกรมเป็นเลิศ และลาออกมาด้วยเหตุผลบางอย่างก่อนที่เขาจะเริ่มเปิดเผยและเปิดโปงสิ่งที่เขารู้มาและสร้างมันขึ้นมา  เพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าถูกต้อง!
เขาซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในฮ่องกง พร้อมกับนักข่าว เกล็นน์ กรีนวาลด์ (Zachary Quinto) และยวน แม็คแอสคิลล์ (Tom Wilkinson) ร่วมด้วยหญิงสาวนักถ่ายทำสารคดีอย่าง ลอรา พอยทราส (Melissa Leo) ที่จะบันทึกทุกถ้อยคำของเขาเปิดโปงโครงการสอดแนมขนานใหญ่ที่องค์กรของรัฐกระทำต่อโลกไซเบอร์ จากประสบการณ์ทุกอย่างที่ได้พบมา ทำให้เขารู้ว่าโครงการทั้งหมดไม่ใช่แค่การทำหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองเพื่อสืบเสาะเบาะแสของผู้ก่อการร้าย หากแต่มันเป็นการสอดส่องชาวอเมริกันทั้งหมด รวมไปถึงทุกๆ คนบนโลกอีกด้วย



              หนังเล่าไปถึงแง่มุมชีวิตส่วนของสโนว์เดนและแฟนสาว ลินด์ซีย์ มิลส์ (Shailene Woodley) ผู้ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องอื้อฉาวของโลกนี้โดยไม่ตั้งใจไปด้วยคงเรียกได้ว่างานการกำกับฯ ของ Oliver Stone มีความเฉพาะตัวก็เรียกได้เช่นนั้นเหมือนกัน ในหนังเรื่องนี้ เขาใช้วิธีจัดวางให้เป็นสองเส้นที่เดินสลับกันไป เส้นหนึ่ง คือ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เริ่มเป็นทหาร ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้โลกและความคิดของเขาเปลียนไป ขณะที่อีกเส้น มันคือเรื่องราวในชั่วไม่กี่วันของการเปิดเผยเปิดโปงเรื่องลับให้โลกได้รู้ เรื่องมันมีความขึงขัง ซีเรียสจริงจัง และชวนเอาใจจดจ่ออย่างยิ่งโดยที่สโตนคุมโทนให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างนั้นตลอดทั้งเรื่อง


             ‘Snowden’ พูดถึงตัวเอกของเรื่องที่เก่ง อัจฉริยะ เป็นทั้งแฮ็คเกอร์ เป็นทั้งนักเรียนที่เก่งที่สุดในชั้น และยังได้ไปทำงานสร้างสรรค์โปรแกรมที่กลายเบื้องหลังการสอดแนมครั้งสำคัญของโลก เรื่องราวมันจึงออกจะกี๊กๆ เนิร์ดๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาจนเกินความเข้าใจของเราไปได้ อีกทั้งยังเดินเรื่องด้วยการแทรกซึมเอาชีวิตส่วนตัวของเขามาเผยแพร่ มันมีภาษามนุษย์เป็นส่วนประกอบในนั้นเยอะมาก  เมื่อรวมเข้ากับการเล่าแบบสองเส้นที่วิ่งเข้าหากัน รวมทั้งเรารู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริง ใส่แง่มุมความรักชีวิตส่วนตัวที่คนทั่วไปจะอินได้มาผสม เรื่องมันเดินไปอย่างหนักแน่นไม่ประนีประนอม
คนทั่วไปอาจไม่รู้เลยว่าตนกำลังถูกสอดส่องโดยกลุ่มคนที่ได้รับอำนาจ และเป็นอำนาจที่พวกเขาไม่เคยรู้ว่ามี วันๆ เขาอาจเคยส่องคนอื่นบนเฟซบุ๊ก แต่เขาไม่เคยรู้หรอกว่าตัวเองก็กำลังถูกสอดส่องพฤติกรรมทุกอย่างที่กระทำบนโลกไซเบอร์ ใช้มือถือโทรหาใคร เดินทางไปไหน คบอยู่กับใคร ใช้โซเชียลมีเดียทำอะไรไว้บ้างทุกคนต่างถูกคำกล่าวอ้างปิดปากเอาไว้ สโนว์เดนคือคนที่ออกมาตั้งคำถามดังๆ ว่า “เราจะยอมสูญเสียเสรีภาพมากแค่ไหนเพื่อให้รัฐบาลปกป้องเรา”



             หากว่า ‘Citizenfour’ คือหนังสารคดีที่ทำให้เราได้รับรู้เหตุที่เกิดขึ้นในวันเปิดโปงวันนั้น ‘Snowden’ ก็คือการบอกเล่าเรื่องราวจริงๆ ออกมาในรูปแบบของหนังที่ทำให้เราได้รู้จักผู้ชายคนนี้มากกว่า รู้สึกถึงการถูกเฝ้ามองอย่างแรงกล้ามากกว่าเดิม ช่วงจบถือว่าพีคมาก เชื่อว่า หลังดูหนังเรื่องนี้กลับไปทุกคนคงเอาเทปปิดกล้องโน้ตุบ๊กกันหมดทุกคน

             ปัจจุบัน สโนเดนตัวจริงไม่สามารถกลับเข้ามาในประเทศ สหรัฐ ได้ เพราะเป็นคนที่ทางการต้องการตัว เป็นคนที่ทรยศประเทศตัวเอง จึงได้ความช่วยเหลือจากประเทศอื่นๆที่ไม่ถูกกับสหรัฐเกี่ยวกับการลี้ภัยของสโนเดน


ตัวอย่างภาพยนต์เรื่อง snowden


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น